บันทึกการเรียนครั้งที่ 5
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559
เนื้อหาการเรียน บทที่ 4
เรื่อง โครงการการให้ความรู้ผู้ปกครอง
ในและต่างประเทศ
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559
เนื้อหาการเรียน บทที่ 4
เรื่อง โครงการการให้ความรู้ผู้ปกครอง
ในและต่างประเทศ
ปัจจุบันสถานศึกษาทุกระดับทั่งโลก
ต่างให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของพ่อแม่
ผู้ปกครองในการจัดการศึกษา
การให้ความรู้กับผู้ปกครองจึงเป็นภารกิจที่สถานได้ดำเนิน
งานในรูปแบบที่แตกต่างไปในแต่ละประเทศ
โดยที่แต่ละประเทศได้ดำเนินยุทธศาสตร์
การให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง
โดยยึดหลักความร่วมมือระหว่างบ้าน โรงเรียน
ชุมชนและสังคมจากภาครัฐและภาคเอกชน
เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาเด็กปฐมวัยให้ไปในทิศทางเดียวกัน
โครงการ การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในประเทศไทย
โครงการ แม่สอนลูก
-
ดำเนินการโดยกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ
-
จัดสำหรับเด็กที่ด้อยโอกาส โดยให้มารดาเป็นผู้สอนเองที่บ้าน
-
ใช้วิธีการแนะนำให้รู้จักใช้ทักษะ รู้จักคิดและเรียนรู้มโนทัศน์ด้านต่างๆ
-
ใช้รูปแบบการทดองสอนแม่เพื่อสอนลูกที่บ้าน
โดยอาศัยรูปแบบโครงการ
การเยี่ยมบ้านของประเทศอิสราเอล
-
มารดามีความพอใจในกิจกรรม
มีความรู้ความเข้าใจและสามารถส่งเสริม
พัฒนาการด้านต่างๆเพิ่มขึ้น
-
เนื้อหากิจกรรมในโปรแกรมนี้ เป็นกิจกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก
การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองในการอบรมเลี้ยงดูเด็ก
ต่ำกว่า
3 ปี ผ่านโรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัย
เป็นโครงการภายใต้งานวิจัยของกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข เกิดจาก
ความต้องการให้ครอบครัวเป็นหลักของการพัฒนาเด็กในช่วงอายุต่ำกว่า
3 ปี
ด้วยการให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นผู้เลี้ยงดูที่มีคุณภาพ
โดยใช้รูปแบบการให้ความรู้
แก่ผู้ปกครอง ประกอบด้วย 4 รูปแบบ คือ
-
วิธีกระบวนการเรียนรู้โดยการมีส่วนร่วม
-
วิธีการสนทนากลุ่ม
-
วิธีอภิปรายกลุ่ม
-
วิธีการบรรยาย
โครงการ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในเด็กไทย
ดำเนินงานโดยสำนักสุขภาพจิต
กรมสุขภาพจิต เป็นโครงการที่มุ่งเร่งพัฒนา
ความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชนไทย
โดยผลักดันให้ครอบครัวมีส่วนร่วมที่สำคัญ
ด้วยการจัดทำชุดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในเด็ก
และเยาวชนไทย
เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้จริง ประกอบด้วย
-
แบบสังเกตความคิดสร้างสรรค์ในเด็กสำหรับพ่อแม่
-
คู่มือความรู้และการจัดกิจกรรมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
-
หลักสูตรการเลี้ยงลูกให้มีความคิดสร้างสรรค์
-
ซีดีการเรียนรู้ด้วยตนเองเรื่อง “การเลี้ยงลูกให้มีความคิดสร้างสรรค์”
-
จัดอบรมพ่อแม่ผู้ปกครองเรื่อง “การเลี้ยงลูกให้มีความคิดสร้างสรรค์”
โครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความเข็มแข็งของครอบครัว
“บ้านล้อมรัก”
ดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามยา
เสพติด
ภายใต้คำขวัญ “พลังครอบครัวไทย ชนะภัยยาเสพติด” เพื่อสร้างความเข้าใจบทบาท
ของพ่อแม่
ผู้ปกครองในการดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน เพื่อให้ปลอดภัยและห่างไกล
จากยาเสพติด
โดยมีวิธีการประชาสัมพันธ์โครงการผ่าน 4 ช่องทางคือ
-
ผ่านโทรทัศน์ในรูปแบบสารคดีและแทรกในรายการโทรทัศน์
-
ผ่านสื่อวิทยุในรูปแบบสารคดีสั้น สปอตประชาสัมพันธ์ กิจกรรม และสัมภาษณ์
-
สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ จดหมายข่าว โปสเตอร์ สติกเกอร์ เสื้อยืด เป็นต้น
-
กิจกรรมส่งเสริมความรู้และความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว
เช่น เกม กีฬา
เป็นต้น
โครงการหนังสือเล่มแรก (Bookstart Thailand)
โครงการหนังสือเล่มแรก
เริ่มต้นขึ้นในปี 2546 โดยการริเริ่มของมูลนิธิหนังสือ
เพื่อเด็ก
ซึ่งในปีนั้นรัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการประกาศให้เป็นปีแห่งการอ่าน
ส่วนภาคเอกชนโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
ได้เริ่มดำเนินโครงการ
“รวมพลัง รักการอ่า” ขึ้นในปีนี้เช่นเดียวกัน
โดยมีเป้าหมาย
ที่จะให้พ่อแม่ลูกมีความสุขร่วมกันในโลกของหนังสือ
สร้างพื้นฐานการอ่าน
และสานสัมพันธ์ในครอบครัว
ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยนิสัยรักการอ่าน
และประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนรวมทั้งองค์กรท้องถิ่น
ในการรณรงค์โครงการ
โดยการจัดทำถุงบุ๊คสตาร์ท (book start) ติดตามประเมินผล
ครอบครัวในโครงการ
โครงการพัฒนาเด็กโดยครอบครัว
เป็นการดำเนินงานร่วมกันของกรมการพัฒนาชุมชน
กรมการศึกษานอกโรงเรียน
กรมอนามัย สำนักงานปรัดกระทรวงสาธารณสุข และอีกหลายหน่วยงาน
วัตถุประสงค์เพื่อ
พัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ให้พ่อแม่ สมาชิกในครอบครัว
เยาวชนในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
กับการอบรมเลี้ยงดูเด็กให้เจริญเติบโต
มีพัฒนาการตามวัยต่อเนื่องสอดคล้องกับวิถีชีวิต
ครอบครัวและสังคมของเด็ก
โดยมีกิจกรรมดังนี้
-
การเตรียมชุมชน แก่การให้ความรู้แก่อาสาสมัคร แล้วไปถ่ายทอดให้แก่
พ่อแม่ผู้ปกครอง
-
จัดกลุ่มสนทนาให้แก่เยาวชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง สนทนาเกี่ยวกับการอบรม
เลี้ยงดูเด็ก
การผลิตของเล่นสำหรับเด็ก การเตรียมเป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นต้น
-
จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5
ให้มีคามรู้และทักษะในการเลี้ยงดูเด็กเพื่อเตรียมเป็นพ่อแม่ที่ดีต่อไป
โครงการ การให้ความรู้ผู้ปกครองในต่างประเทศ
โครงการ การให้ความรู้พ่อแม่ผู้ปกครองในประเทศอิสราเอล
ประเทศอิสราเอลถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาค่อนข้างสูง
เพราะถือว่าการศึกษาคือการพัฒนามนุษย์ให้มีคุณภาพ ดังนั้น
จึงมีการจัดการศึกษา
ให้แก่เด็กอายุ 3-4 ปี โดยรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ
งานการศึกษาเด็ก
โดยพ่อแม่ผู้ปกครองถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการศึกษาของอิสราเอล
ตั้งแต่ระดับอนุบาล
การทำงานระหว่างบ้านกับโรงเรียนและชุมชนจึงพบได้ในทุกโรงเรียน
ซึ่งถือเป็นงานปกติที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามหน้าที่
โครงการศูนย์ส่งเสริมประสบการณ์เด็กปฐมวัย
ที่เรียกว่า ALEH (Early Childhood Enrichment Center)
ที่เรียกว่า ALEH (Early Childhood Enrichment Center)
ศูนย์ ALEH จะมีกิจกรรมช่วยพ่อแม่ผู้ปกครอง ดังนี้
-
สอนแม่ที่อายุยังน้อยให้รู้จักใช่สื่อ-อุปกรณ์ (ของเล่น) เกมการเล่นเพื่อพัฒนาเด็ก
และถ้าเด็กมีปัญหาทางด้านพัฒนาการด้านร่างกายและสติปัญญา
ก็จะเสนอแนะให้รู้จักกับนักสังคมสงเคราะห์เพื่อรับฟังคำแนะนำ
-
จัดกิจกรรมสอนให้แม่ทำของเล่นให้ลูกหรือคิดสร้างเกมการเล่นกับลูก
-
ประสานงานกับคลินิกครอบครัวแม่และเด็ก
จัดกิจกรรมเสนอแนะให้แม่
ที่ไม่เคยมีเวลาว่างไปร่วมในศูนย์ ALEH
เพื่อจัดกิจกรรมในข้อขั้นต้น
โครงการเสนอแนะให้แม่สอนลูก เลี้ยงลูกอย่างไรให้ถูกวิธี
อาจเรียกโครงการนี้ว่าเป็นการจัดการศึกษานอกระบบแก่พ่อแม่ก็ว่าได้
โดยโครงการนี้ชื่อ HATAF โปรแกรม
เป็นโครงการที่ร่วมมือกันทำระหว่าง
มหาวิทยาลัยเยรูซาเล็มกับกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นโครงการที่จัดรูปแบบ
การสอนพ่อแม่ที่มีลูกอายุ 1-3ปี
ซึ่งกิจกรรมที่สอนพ่อแม่ผู้ปกครองก็คือ
ให้พ่อแม่ได้พัฒนาทักษะการพูด-คุยกับลูก
ได้เรียนรู้พัฒนาการทั้งทางด้านสติปัญญา
อารมณ์และสังคม สอนให้พ่อแม่จัดบรรยากาศสิ่งแวดล้อมให้ลูกอย่างง่ายๆ
รู้จักใช้วัวดุในครัวเรือนและท้องถิ่นเป็นสื่อ –อุปกรณ์
และสอนให้รู้จักจัดกิจกรรม
การเล่นกับลูกที่มีอายุ 1-3 ปี
โครงการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สำหรับผู้ปกครองและเด็ก
จัดขึ้นสำหรับเด็ก 4-6
ปี
พร้อมด้วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง วัตถุประสงค์เพื่อ
ส่งเสริมให้พ่อแม่ผู้ปกครองใช้เวลาว่างร่วมกับลูกในการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์
และสนุกกับกิจกรรม-ผลงานที่ลูกสร้างขึ้น โดยมีวิทยากรเป็นครูจากเนสเซอรี่
หรือ รร.อนุบาลหรือผู้เชี่ยวชาญทางศิลปะ-ดนตรี
เกมการศึกษา นาฏศิลป์
ร้องรำทำเพลง ฯลฯ
โดยก่อนเริ่มกิจกรรมจะมีกรพูดคุยกับพ่อแม่ถึงกิจกรรม
ที่จะเล่นกับเด็ก
และเมื่อจบกิจกรรมก็จะมีการพูดคุยสรุปและประเมินผลที่ได้ในวันนั้นๆ
ระหว่างพ่อแม่
ผู้ปกครองและผู้จัด
โครงการให้ความรู้ผู้ปกครองในประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อปี ค.ศ. 1930
สหรัฐอเมริกาได้ประสบปัญหาหลายอย่าง
โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
ที่มีผลกระทบต่อครอบครัว จึงได้มีการประชุมเรื่อง
สุขภาพเด็กและแนวทางการ
แก้ไขปัญหา
โดยได้เสนอให้มีการจัดทำหลักสูตรการให้ความรู้ผู้ปกครองไว้เป็นส่วนหนึ่ง
ของการจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา
และมัธยมศึกษาของทุกรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์
ดังนี้
-
เพื่อให้เข้าใจพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย รวมทั้งลักษณะของชีวิตครอบครัว
-
ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะและพฤติกรรมของเด็ก
-
ได้อภิปรายเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมและประเพณีที่มีต่อชีวิตครอบครัว
-
เพื่อให้เข้าใจลักษณะและจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการศึกษาเด็ก
ด้วยการสนับสนุนให้ครอบครัวเข้ามามีบทบาทต่อการจัดการศึกษา
โดยกำหนด
ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา 2 เรื่องคือ
1.
ความพร้อมที่จะเรียน
พ่อแม่จะต้องเตรียมความพร้อมให้ก่อนลูกจะเข้าเรียน
และอุทิศเวลาแต่ละวันเพื่อช่วยลูกให้ได้เรียน
2.
การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง
ได้กำหนดให้โรงเรียนทุกแห่งส่งเสริม
ความเป็นหุ้นส่วนที่จะทำให้ผู้ปกครองนักเรียนมีส่วนร่วมในการส่งเสริม
ความเจริญก้าวหน้าของเด็กในด้านสังคม
อารมณ์ และด้านวิชาการ
โครงการศูนย์ข้อมูลพ่อแม่
มีการจัดตั้ง
ศูนย์ข้อมูลพ่อแม่ ขึ้นในทุกรัฐ
โดยการดำเนินงานนั้นให้ผ่าน
ไปยังองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ (NGO) โดยให้การอบรมความรู้และข้อมูล
ข่าวสารแก่ผู้ปกครอง
ภายใต้คำนิยาม “การศึกษาของพ่อแม่ (Parent Education)
“โครงการพ่อแม่ในฐานะครู” (Parents
as Teachers Program)
และ “โครงการสอนเด็กเล็กในบ้าน”
(Home Instruction for Preschool
Youngsters Program) โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
-
ให้เข้าใจเรื่องความต้องการทางการศึกษาของเด็ก
-
ให้สนับสนุนในการช่วยเหลือในการเรียนของเด็กจนประสบความสำเร็จ
-
สามารถที่จะติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างครู ผู้บริหารและนักเรียน
-
ให้มีส่วนร่วมในการออกแบบรับความช่วยเหลือสำหรับนักเรียนที่ไม่ได้
มาโรงเรียน เช่น
การให้บริการเอกสารในเรื่องต่างๆ
โครงการ เฮดสตาร์ท (Head Start)
เป็นโครงการระดับชาติที่ให้บริการด้านพัฒนาการแก่เด็กอายุ
3-5 ปี
ที่พ่อแม่มีรายได้น้อย
และบริการด้านสังคมแก่ครอบครัวของเด็กเหล่านั้น
การบริการเฉพาะสำหรับเด็กเน้นเรื่องการศึกษา พัฒนาการด้านอารมณ์ สังคม
สุขภาพกาย
จิตใจและโภชนาการ พื้นฐานสำคัญของโครงการนี้คือ การมีส่วนร่วม
ของพ่อแม่และชุมชน
โครงการเฮมสตาร์ท
มีฐานะเสมือนห้องปฏิบัติการระดับชาติ เพื่อพัฒนา
เด็กปฐมวัย โดยมีวัตถุประสงค์
ดังนี้
-
สร้างครอบครัวให้เข้มแข็งในการอบรมเลี้ยงดูเด็กขั้นต้น
-
เชื่อมโยงเด็กและครอบครัวต่อการบริการชุมชนที่มีความต้อการจำเป็น
-
ประกันโครงการที่จัดการดีว่าพ่อแม่เด็กมีส่วนร่วมในการตกลงใจ
โครงการ โฮมสตาร์ท (Home Start Program)
เป็นการนำพ่อแม่เข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษาของเด็กเล็กซึ่งอยู่ภายใต้
โครงการใหญ่
คือ เฮดสตาร์ท เป้าหมายคือ
เพื่อสร้างความสำนึกให้ผู้ปกครองเห็น
ความสำคัญของตนที่มีต่อเด็ก
และชี้ให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษาให้แก่เด็ก
เห็นคุณค่าของการมีส่วนร่วมของมารดาที่มีผลต่อการเรียนของเด็กด้อยโอกาส
โดยช่วยเหลือสนับสนุนให้ครอบครัวมีความสามารถดูแลเด็กอย่างถูกต้องและมีสมรรถภาพ
โครงการสมาร์ท สตาร์ท (Smart Start)
ก่อตั้งโดยนายจิม
ฮั้น ผู้ว่าการมลรัฐแคโรไลนาเหนือ ในปี พ.ศ. 2536
ได้จัดให้มีคณะทำงานศึกษาสาระปัญหาเด็กเล็ก
โดยเฉพาะในด้านการอบรมเลี้ยงดู
และการศึกษาของเด็กเล็ก
ปัจจุบันกระทรวงทรัพยากรมนุษย์เป็นผู้ดำเนินโครงการ
โครงการนี้สร้างสรรค์ขึ้นจากความคิดริเริ่มด้านเด็กเล็กจากแรงผลักดันของท้องถิ่น
ชุมชนรวมตัวกันเข้าเรียกร้องความต้องการให้เด็กเล็ก
โดยมีเป้าหมายที่
เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ให้มีสุขภาพและความพร้อมที่จะเรียนให้สำเร็จ
โครงการ Brooklyne Early Childhood
เป็นโครงการที่ฝึกให้ผู้ปกครองเป็นครูในการสอนลูก ดำเนินการโดย
Brooklyne Public School ซึ่งได้รับความร่วมมือจากศูนย์การแพทย์ในโรงพยาบาลเด็ก
ในการจัดการศึกษาให้แก่ผู้ปกครอง
โดยการจัดให้มีการตรวจสุขภาพเด็กเบื้องต้น
เพื่อให้สามารถรักษาดูแลความเจ็บป่วย
ความพิการหรือข้อบกพร่องต่างๆ
ในระยะต้นได้
นอกจากนี้ยังให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการเลี้ยงดูเด็กอย่างถูกวิธี
และวิธีการจัดการศึกษาให้แก่เด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป ด้วยการฝึกให้เด็กเล่นรวมกลุ่ม
โครงการให้ความรู้ผู้ปกครองในประเทศนิวซีแลนด์
ประเทศนิวซีแลนด์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาปฐมวัย
โดยการศึกษาในระดับนี้จะให้โอกาสผู้ปกครองใช้สิทธิในฐานะหุ้นส่วนใน
การจัดการศึกษาปฐมวัย
และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรหลาน
ครูอนุบาลที่มีความสามารถจะให้โอกาสผู้ปกครองและครอบครัวแสดง
ความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก
การเรียนการสอน และส่งเสริมสนับสนุน
ให้ผู้ปกครองอยู่ด้วยในช่วงที่มีการเรียน
โครงการ เพลย์เซ็นเตอร์
เป็นโครงการที่กล่าวได้ว่า
พ่อแม่ไปมีส่วนร่วมด้วยทั้งหมด นับตั้งแต่
การจัดตั้ง การบริหาร การดำเนินงาน
โดยมีการควบคุมมาตรฐานที่รัฐบาลรับรอง
และมาสมารถจัดบริการให้แก่เด็กเล็กได้ประมาณหนึ่งในสามของเด็กปฐมวัย
ทั้งหมดของประเทศ
ปรัชญาในการทำงานคือ
“พ่อแม่คือครูคนแรก และเป็นครูที่ดีที่สุดของลูก”
โครงการให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการจัดการศึกษาของโรงเรียน
เป็นโครงการที่โรงเรียนจัดนิทรรศการสำหรับผู้ปกครอง
เพื่ออธิบาย
ถึงปรัชญาที่เป็นรากฐานของการศึกษาปฐมวัย
และนโยบายเรื่องประโยชน์
ของการศึกษาที่มีต่อผู้ปกครอง มีการสำรวจความรู้ของผู้ปกครองเกี่ยวกับ
การศึกษาปฐมวัยและจัดเตรียมแฟ้มข้อมูลข่าวสารและนิทรรศการต่างๆ
เพื่อให้ความรู้เพิ่มเติมแก่ผู้ปกครองตลอดจนการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ
เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในการวางแผน
จัดทำหลักสูตร การพัฒนาทักษะ
การประเมินผลการเรียน และการประเมินผลการจัดการศึกษากับผู้ปกครอง
โครงการ “พ่อแม่คือครูคนแรก” (Parents as First
Teachers)
เป็นโครงการที่ให้ความช่วยเหลือแนะนำและให้ข้อมูลแก่พ่อแม่ให้มีความรู้
ความเข้าเข้าใจพัฒนาการของเด็กก่อนเกิดและตั้งแต่เกิดถึง
3 ขวบ
รัฐบาลส่งเสริม
ให้พ่อแม่ทุกคนเข้าร่วมโครงการได้ตามความสมัครใจและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ทั้งสิ้น
โครงการนี้จะคัดเลือกพ่อแม่ที่ผ่านการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจอย่างดี
มาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า
“พ่อแม่นักการศึกษา”
พ่อแม่จะได้รับข้อมูลเช่น
การสร้างประสบการณ์การศึกษาที่ตื่นเต้นแก่ลูก
โดยไม่ต้องใช้ของเล่นราคาแพ
การส่งเสริมให้ลูกรักการอ่านหนังสือ
การจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยและสนุก
การแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
และการส่งเสริมให้ลูกพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด
โครงการให้ความรู้พ่อแม่ผู้ปกครองประเทศออสเตรเลีย
มีรูปแบบในการให้ความรู้พ่อแม่ผู้ปกครองในลักษณะที่เรียกว่า
(Early Childhood Center) หรือ ศูนย์สุขภาพเด็ก (Baby Health Center)
เป็นศูนย์ที่ให้บริการคำแนะนำฟรีสำหรับพ่อแม่และทารกจนถึง 5 ปี
เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์จะเป็นพยาบาลทั่วไป
จะทำการนัดหมายให้พ่อแม่พาลูก
ไปชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ดูพัฒนาการของลูก
ไปเยี่ยมบ้าน โดยเฉพาะทารกที่มีปัญหา
เช่น
ตัวเหลืองรวมทั้งไปสอนการดูแลการอาบน้ำเด็กทารกจนกระทั่งแม่แข็งแรงดี
มีการจดบันทึกข้อมูลเด็กลงในสมุดสีฟ้า (blue book) ซึ่งเด็กทุกคนต้องมีสมุดเล่มนี้
สำคัญเหมือนบัตรประชาชน
นอกจากนี้ก็จะให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกายและใจ
โดยเฉพาะคุณแม่ที่เพิ่งมีลูกคนแรก
โครงการ บุ๊คสตาร์ทในประเทศอังกฤษ (Bookstart UK)
โครงการ
บุ๊คสตาร์ท หรือเรียกว่า “หนังสือเล่มแรก” ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก
ในประเทศอังกฤษ
เมื่อปี พ.ศ. 2535 โดย นางเวนดี้ คูลลิ่ง ภายใต้ บุ๊คทรัสต์
ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่มีจุดมุ่งหมายในการนำหนังสือสู่คน นำคนสู่หนังสือ
นับเป็นโครงการแรกของโลกที่ว่าด้วยหนังสือสำหรับเด็กทารก
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กทารกในอังกฤษทุกคนได้รับโอกาสและสนับสนุน
ให้พัฒนาความรู้สึกรักหนังสือและการอ่านไปตลอดชีวิต
ด้วยการจัดสรรให้เด็กทารก
ทุกคนได้รับ “ถุงบุ๊คสตาร์ท”
“ถุงบุ๊คสตาร์ท”
ภายในถุงประกอบด้วย
- หนังสือที่ได้รับการคัดสรรแล้ว 2 เล่ม
- หนังสือแนะนำพ่อแม่ด้วยภาพเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กและโยงไปถึงการเลี้ยงดูด้วยหนังสือ
- ของชำร่วยสำหรับเด็ก เช่น ผ้ารองจานฯลฯ
- แผนที่แนะนำห้องสมุดแถวละแวกบ้าน
- บัตรสมาชิกห้องสมุดสำหรับเด็ก
- รายชื่อหนังสือสำหรับเด็ก
- รายชื่อศูนย์สนับสนุนคุณแม่เลี้ยงลูก
โครงการ บุ๊คสตาร์ทในประเทศญี่ปุ่น (Bookstart Japan)
เมื่อปี พ.ศ. 2543
ญี่ปุ่นประกาศให้เป็น
“ปีแห่งการอ่านของเด็ก”
และได้มีการนำโครงการบุ๊คสตาร์ทของประเทศอังกฤษเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น
โดยมีศูนย์สนับสนุนบุ๊คสตาร์ทเป็นเจ้าของโครงการ ด้วยหลักการและเหตุผลที่ว่า
ภาษามีความสำคัญต่อการหล่อเลี้ยงจิตใจเด็ก
เด็กเล็กต้องการอ้อมกอดอันอบอุ่น
และเสียงพูดคุยอย่างอ่อนโยน โครงการบุ๊คสตาร์ทสนับสนุนสัมผัสอันอบอุ่นโดยมี
“หนังสือภาพ” เป็นสื่อกลาง โดยทดลองที่เขตสุงินามิ
ในกรุงโตเกียว
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2544 ได้รับความร่วมมือจากศูนย์อนามัย
ห้องสมุด
และหน่วยงานสนับสนุนการเลี้ยงดูเด็กสามองค์กรร่วมกันแจกถุงบุ๊คสตาร์ทแก่แม่
ที่พาลูกมาตรวจสุขภาพในช่วงอายุ
4 เดือน โดยมีเป้าหมาย 200 ครอบครัว
และก็ได้มีการแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็วในประเทศญี่ปุ่น
สรุป
จากโครงการการให้ความรู้ผู้ปกครองทั้งในและต่างประเทศที่ได้ยกตัวอย่างมานั้น
จะเห็นได้ว่าทุกประเทศให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาเด็กตั้งแต่เด็กปฐมวัย
ซึ่งมีความสำคัญยิ่ง เป็นวัยแห่งการเริ่มต้นที่ดีของชีวิต
พ่อแม่ผู้ปกครอง
จึงต้องเป็นผู้ที่มีความพร้อมและมีคุณภาพในการดูแลเด็ก
เพื่อให้เด็กได้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ
คำถามท้ายบท
1. ในการดำเนินโครงการให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งใน
และต่างประเทศมีเป้าหมายร่วมกันอย่างไร
2. นักศึกษามีแนวคิดอย่างไรที่จะสนับสนุนให้โครงการการให้ความรู้
ผู้ปกครองประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
จงอธิบาย
3. ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นผู้ที่ให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยในอนาคต
จงยกตัวอย่างขององค์ความรู้หรือเรื่องที่ต้องการจะถ่ายทอดให้กับพ่อแม่
ผู้ปกครองเพื่อใช้ในการเลี้ยงดูเด็ก
มา 5 เรื่องพร้อมอธิบาย
และยกตัวอย่างประกอบ
4. การให้ความรู้ผู้ปกครองสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมเด็กหรือไม่อย่างไร จงอธิบาย
5. นักศึกษาจะมีวิธีในการติดตามผลการให้ความรู้ผู้ปกครองอย่างไร
จงอธิบาย
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
การเรียนในวันนี้ สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวันและในอนาคตได้
โดยการนำความรู้เรื่อง โครงการการให้ความรู้ผู้ปกครองในและต่างประเทศ
ไปใช้ให้ถูกต้องตามหลักการเรียนการสอน
การประเมิน
- ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังอาจารย์อธิบาย
- ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆตั้งใจเรียน น่ารัก
คำถามท้ายบท บทที่ 4
1.
ในการดำเนินโครงการให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งในและต่างประเทศ
มีเป้าหมายร่วมกันอย่างไร
ตอบ
เพื่อที่จะให้เด็กได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม
2. นักศึกษามีแนวคิดอย่างไรที่จะสนับสนุนให้โครงการการให้ความรู้ผู้ปกครอง
ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
จงอธิบาย
ตอบ สนับสนุนโดยการให้ความรู้กับผู้ปกครองทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ
โดยการเยี่ยมบ้านของเด็กๆพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กและให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในเรื่องที่น่าสนใจ
3. ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นผู้ที่ให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยในอนาคต
จงยกตัวอย่างขององค์ความรู้หรือเรื่องที่ต้องการจะถ่ายทอดให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง
เพื่อใช้ในการเลี้ยงดูเด็ก
มา 5 เรื่องพร้อมอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ 1.พัฒนาการของเด็กปฐมวัยแต่ละช่วงวัย เช่น
เด็กวัยนี้ควรมีพัฒนาการเป็นอย่างไร
และควนส่งพัฒนาการของเด็กอย่างไร
2.สื่อที่เหมาะกับเด็กปฐมวัย
เช่น จะสอนให้ผู้ปกครองได้ทำสื่อให้ลูกเล่นได้
3.การจัดประสบการณ์สำคัญให้แก่เด็ก
เช่น เด็กวัยนี้ควรได้เรียนรู้ประสบการณ์เรื่องใด
4.การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย
เช่น ให้ความรู้กับผู้ปกครองในเรื่องการอบรมเลี้ยงลูก
5.การส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
เช่น เด็กวัยนี้ควรทำกิจกรรมอะไร
4. การให้ความรู้ผู้ปกครองสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมเด็กหรือไม่อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ส่งผล เพราะถ้าเราให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้ปกครอง
และผู้ปกครองนำไปปฏิบัติ
หรือนำไปปรับใช้กับลูก
เด็กๆก็จะมีพฤติกรรมที่ดีและสามารถเข้ากับสังคมได้เป็นอย่างดี
5. นักศึกษาจะมีวิธีในการติดตามผลการให้ความรู้ผู้ปกครองอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ จะเป็นเมินผลว่าผู้ปกครองได้นำวิธีการที่เราไปใช้หรือไม่โดยจะสังเกตจากพฤติกรรม
ของเด็กว่ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหรือไม่
ถ้าเด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปแสดงว่า
ผู้ปกครองได้นำแนวทางความรู้ไปปฏิบัติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น